|
ประวัติความเป็นมา
ตำบลหนองโน ราษฎรส่วนใหญ่เป็นคนเชื้อสายไท-ยวน ย้ายถิ่นฐานมาจากภาคเหนือ และเวียงจันทร์ส่วนหนึ่งเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่อำเภอเสาไห้ ตำบลหนองยาว และตำบลหนองโน ในปัจจุบัน
แต่เดิมตำบลหนองโน พื้นที่ส่วนหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของตำบลบ้านภู่ไทย คือ หมู่ ๑ บ้านป๊อกแป๊ก , หมู่ ๒ บ้านนาร่อง ,หมู่ ๓ บ้านหนองโนเหนือ, หมู่ ๔ บ้านใหม่ , หมู่ ๕ บ้านโคกกระต่าย และราษฎรในเขตตำบลหนองยาวส่วนหนึ่ง ได้อพยพย้ายถิ่นฐานมาตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณหนองโสนหรือหนองโน สาเหตุที่มีการย้ายถิ่นฐานสืบเนื่องมาจากเส้นทางคมนาคมในแถบตำบลหนองโนมีความสะดวกในการเดินทางประกอบกับมีบึงขนาดใหญ่ เป็นแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การทำไร่และ ทำนา โดยอาศัยหลักฐานทางโบราณสถาน คือ วัดหนองโนใต้ ก่อตั้งมาเป็นระยะเวลา ๒๐๒ ปี ซึ่งแต่เดิมชื่อสำนักสงฆ์บ้านภู่ไทย และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดหนองโนใต้ ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกองศาสนา กรมศาสนา ตามหนังสือที่ ศธ/๐๓๐๓/๖๑๘ ได้ตรวจสอบทะเบียนกรมการศาสนาแล้วปรากฏว่ามีชื่อ วัดหนองโนใต้ ตำบลหนองโน ในทะเบียนของกรมศาสนา โดยมีหลักฐานการตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. ๒๓๔๓ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐
ต่อมาทางการได้มีการขยายพื้นที่ตำบลหนองโน จึงได้รวมตำบลบ้านภู่ไทยบางส่วนเข้าชื่อเป็นตำบลหนองโน ปัจจุบันตำบลหนองโนจึงมีหมู่บ้านจำนวน ๑๐ หมู่ ส่วนบ้านภู่ไทย ปัจจุบันยังคงชื่อหมู่บ้านภู่ไทยตั้งอยู่ในตำบลหนองยาว
สาเหตุที่เรียกว่าหนองโน เพราะมีบึงน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่แต่ก่อนเรียกว่าหนองโสน ต่อมาเมื่อน้ำลด ทำให้เห็นเนินสูง ๆ ลักษณะคล้ายเกาะขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางบึง มีน้ำล้อมรอบ ชาวบ้านจึงเรียกชื่อใหม่ว่า หนองโน ปัจจุบันพื้นที่เกาะกลางนั้น ได้ถูกถมเป็นพื้นที่สร้างสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลหนองโน แต่ยังคงธรรมชาติ มีบึงน้ำล้อมรอบ
องค์การบริหารส่วนตำบลหนองโน ได้รับการยกฐานะเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล มีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหาร - ส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๐ โดยมี นายประเสริฐ เสือเหลือง กำนันตำบลหนองโน เป็นประธานกรรมการบริหาร (โดยตำแหน่ง) คนแรก และปัจจุบัน นายกิตติศักดิ์ มณีศิริ เป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองโน
คำขวัญตำบลหนองโน
ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นมั่นคง การศึกษาเป็นเลิศสู่สากล คนในชุมชนมีสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่ดี มีความสุขแบบไทย ไปสู่เศรษฐกิจพอเพียง”